Month: May 2020

“ฮูลิแกน” ต้นต่อยุคมืดของวงการฟุตบอล และโศกนาฏกรรมเฮย์เซล

ฮูลิแกน นับเป็นรอยด่างแห่งวงการฟุตบอล เนื่องจากอันธพาลลูกหนังเหล่านี้จะคอยสร้างความเดือนร้อนให้กับทุกที่เมื่อเดินทางไปถึง ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสิ่งของสาธารณะ ทำร้ายร่างกายแฟนบอล ลามไปจนถึงการก่อจลาจล ทั้งที่เรียกตัวเองว่าแฟนบอลแต่กลับสร้างปัญหาให้กับสโมสรที่ตามเชียร์อย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งถูกปรับทั้งถูกแบน จนในที่สุดการทะเลาะวิวาทก็ถูกพัฒนาความรุนแรงไปเป็นโศกนาฏกรรมที่มีผู้เสียชีวิตมากมาย ซึ่งชาติที่มีปัญหาเรื่องฮูลิแกนมากที่สุดคืออังกฤษ ประเทศที่ถูกขนานนามให้เป็นเมืองผู้ดี ฮูลิแกน คาดว่าเป็นคำที่เพี้ยนมาจาก ฮูลิแฮน ซึ่งเป็นนามสกุลของอันธพาลชื่อดังชาวไอริชนาม แพทริค ฮูลิแฮน ที่ก่อคดีฆ่าตำรวจจนถูกจำคุกตลอดชีวิต โดยกองเชียร์หัวรุนแรงอยู่คู่กับฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนาน แต่มาทวีความรุนแรงขึ้นในยุค 70-80 อันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้แรงงานจำนวนมากต้องตกงาน โดยเฉพาะแรงงานวัยหนุ่มที่ปลดปล่อยความโกรธไปพร้อมกับการเชียร์ฟุตบอล จนเกิดการตั้งกลุ่มฮูลิแกนขึ้นในหมู่แฟนบอลแทบทุกสโมสรในอังกฤษ ซึ่งทำการยกพวกตะลุมบอนกันทั้งนอกและในสนามอยู่บ่อยครั้ง โดยความรุนแรงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงการแข่งขันในเวทียุโรป ไม่ว่าจะเป็นการก่อจลาจลของแฟนบอลลีดส์ ยูไนเต็ดในนัดชิงชนะเลิศศึกยูโรเปี้ยนคัพ ปี 1975 หรือแม้แต่การทะเลาะวิวาททั้งก่อนและหลังเกมการแข่งขันของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1977-78 เป็นผลให้ทั้งสองทีมจากอังกฤษถูกแบนเป็นเวลา 1 ปี และแล้วการจลาจลก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม ในปี 1985 ลิเวอร์พูลผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ ซึ่งได้ยูเวนตุสเป็นคู่ต่อกร โดยการแข่งขันถูกกำหนดให้จัดขึ้นที่สนามเฮย์เซล กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม แม้หลายฝ่ายจะทัดทานอันเนื่องมาจากความทรุดโทรมของสนาม แต่ยูฟ่าก็ยืนกรานที่จะใช้สนามแห่งนี้ จนกระทั้งในวันแข่งขันก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้นไม่นาน แฟนบอลหงส์แดงก็ยกพวกทำลายแนวรั้วเหล็กดัดข้ามไปตะลุมบอนกับแฟนบอลม้าลายอย่างโกลาหล ด้วยความเก่าแก่ของสนามทำให้อัฒจันทร์เกิดการถล่มลงมาเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 39 คน …

5 ยอดนักเตะที่กลายมาเป็นสุดยอดผู้จัดการทีม

การเป็นนักเตะฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์คว้าแชมป์มามากมาย ไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะคว้าแชมป์เป็นกอบเป็นกำในบทบาทผู้จัดการทีม ยอดนักเตะหลายต่อหลายคนไปไม่รอดเมื่อทิ้งสตั๊ดมาสวมสูทอยู่ข้างสนาม แต่ก็มีนักฟุตบอลบางคนที่พาทีมประสบความสำเร็จทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ช และนี่คือ 5 ยอดนักเตะที่ผันตัวมาเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมในยุคปัจจุบัน 1. ซีเนดีน ซีดาน ในสมัยเป็นนักเตะ ซีเนดีน ซีดาน ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดนักเตะแห่งยุค เขาพาต้นสังกัดคว้าแชมป์มากมาย เริ่มตั้งแต่แชมป์อินเตอร์ โตโต้ คัพ กับบอร์กโดซ์, แชมป์เซเรียอา 2 สมัยซ้อนกับยูเวนตุส รวมถึงนำเรอัล มาดริดเป็นแชมป์ลาลีกาและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นอกจากนั้นยังเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 ร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศส ไม่เพียงเท่านั้นซีดานยังคว้ารางวัลส่วนตัวอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1998 ซีดานเริ่มต้นงานโค้ชด้วยการคุมทีมสำรองของเรอัล มาดริด ก่อนจะก้าวขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในเวลาไม่นาน เขาพาทีมราชันชุดขาวเป็นแชมป์ลาลีกาหลังจากห่างกันไปถึง 4 ฤดูกาล และกลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน 2. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นมิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ต้น ๆ ของโลก ช่วยให้บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกา 6 สมัย, แชมป์โคปา …

“แอตเลติโก มาดริด” พระรองตลอดกาลแห่งศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

แอตเลติโก มาดริด เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในระดับประเทศและระดับทวีป พวกเขาถือเป็นทีมขาประจำในเวทียุโรป ซึ่งผ่านการคว้าแชมป์มาแล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ, แชมป์ยูโรป้าลีก และแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ แต่สำหรับแชมป์ยุโรปถ้วยหลักอย่างยูโรเปี้ยนคัพ หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมตราหมีกลับไม่เคยคว้ามาประดับตู้โชว์ได้เลยสักครั้ง ทั้งที่มีโอกาสเข้าชิงชนะเลิศถึง 3 หน แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ทุกครั้งไป แอตเลติโก มาดริด เริ่มต้นเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 1958-59 โดยสามารถทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะถูกเขี่ยตกรอบด้วยน้ำมือของเรอัล มาดริด คู่อริร่วมเมืองที่ผ่านเข้าไปคว้าแชมป์ในที่สุด หลังจากนั้นฤดูกาล 1970-71 ทีมตราหมีผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศอีกครั้ง แต่ก็กลายเป็นทางผ่านให้อาแจ็กซ์เข้าไปเป็นแชมป์อีกทีม จนกระทั้งฤดูกาล 1973-74 แอตเลติโก มาดริด ล้มเซลติกเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรก โดยมีบาเยิร์น มิวนิค ที่นำทัพโดยฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์  และแกรด มุลเลอร์ เป็นด่านสุดท้าย ในเกมนัดชิงทั้งคู่ไม่สามารถยิงประตูได้ตลอด 90 นาทีจนต้องต่อเวลาพิเศษออกไป แล้วก็เป็นหลุยส์ อราโกเนส ที่ทำประตูให้ทีมตราหมีขึ้นนำในนาทีที่ 114 เท่ากับเอื้อมมือข้างหนึ่งไปคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ไว้ได้แล้ว แต่ในนาทีสุดท้ายทีมเสือใต้ก็ไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ ส่งผลให้แชมป์ในมือทีมตราหมีมีอันต้องหลุดลอยไป เมื่อยังไม่อาจหาผู้ชนะได้ทั้งสองทีมจึงต้องเริ่มแข่งกันใหม่ในนัดรีเพลย์ ซึ่งนัดนี้ทีมจากเมืองเบียร์มาด้วยความดุดันและเอาชนะไปได้อย่างท่วมท้น  …